ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
ผู้เขียน Eakaphat ดูโพสทั้งหมดของ Eakaphatสนับสนุน Webs
อะคูสติกครอสโอเวอร์แตกต่างจากอิเล็กทรอนิกส์ อะคูสติกครอสโอเวอร์ จะแสดงผลก็ต่อเมื่อ สัญญาณเสียงที่อยู่ในรูปแบบไฟฟ้ามาถึงลำโพง ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ทางกายภาพเป็นเสียง ส่งไปยังผู้ฟังในบริเวณต่าง ๆ
ประสิทธิภาพของอะคูสติกครอสโอเวอร์ จะอยู่ภายใต้เงื่อนไข การรวมกันของคลื่นเสียง (WAVE SUMMATION) ซึ่งจะใช้อ้างอิงทั้งในส่วนทฤษฎี และปฏิบัติ
เมื่อสัญญาณจากแหล่งกำเนิดเสียง ถูกแยกออกแล้วกลับมารวมกันที่ปลายทางคือ ลำโพง โดยมีพลังงานที่เท่ากัน บางครั้งอาจจะเป็นเฉพาะช่วงความถี่ใดความถี่หนึ่ง
อะคูสติกครอสโอเวอร์ เป็นการรวมกันที่สำคัญ เพราะเมื่อ 2 แหล่งกำเนิด อยู่ในจุดที่ระดับความดันเสียงเท่ากัน ความเสี่ยงจึงสูง เนื่องจากเป็นบริเวณนี้จะได้ผลประโยชน์สูงสุด เมื่อความถี่เสียง In Phase และเสียหายมากที่สุดเมื่อ Out Of Phase จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ ในการปรับการตอบสนองของเฟส ที่อะคูสติกครอสโอเวอร์ในบริเวณนั้น ๆ
สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์เสียงทั่วไป จะถือว่าครอสโอเวอร์ คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้แบ่งสัญญาณเสียง ออกเป็นช่องความถี่ต่ำ และความถี่สูง เพื่อส่งไปยังลำโพงที่เหมาะสม อุปกรณ์เหล่านั้นถูกเรียกว่า Spectral divider (หรือตัวแบ่งความถี่)
Spectral divider ก้าวข้ามเรื่องของอะคูสติกเสียง เป็นเพียงการตอบสนองทางไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และไม่เพียงพอสำหรับผลลัพธ์ที่คาดหวัง ในทางครอสโอเวอร์อะคูสติกจริง ๆ
ผลลัพธ์ทางอะคูสติกครอสโอเวอร์ จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองทางไฟฟ้า การตอบสนองทางเสียง ระดับสัมพัทธ์ที่แอมพลิฟายเออร์ และการเคลื่อนที่ทางกายภาพของลำโพง
เมื่อเสียงถึงปลายทางคือผู้ฟัง อะคูสติกครอสโอเวอร์จะเป็นผลรวมของส่วนประกอบ หรือลำโพงหลาย ๆ ใบ ที่มีความถี่ทับซ้อน ในความดันเสียงที่เท่ากัน โดยไม่คำนึงว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง การตรวจสอบสามารถเริ่มต้นจากวิธีการ จัดตำแหน่งครอสโอเวอร์ให้เหมาะสมที่สุด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
จากที่กล่าวมาจะเรียกระหว่าง อะคูสติกครอสโอเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่ครอบคลุมช่วงความถี่ จุดที่แบ่งสเปกตรัมของสัญญาณเสียง เพื่อส่งเข้าไปยังลำโพงต่าง ๆ เรียกว่า Spectral acoustic crossover
ต่อมาจากองค์ประกอบลำโพงที่แตกต่างกัน 2 ใบ ซึ่งครอบคลุมช่วงความถี่เดียวกัน การแยกสัญญาณออกเป็นลำโพง 2 ใบ เรียกว่า Spatial divider ส่วนการรวมกันของเสียงจากลำโพงในพื้นที่ครอบคลุม จะเรียกว่า Spatial acoustic crossover
คลาสของอะคูสติกครอสโอเวอร์ ถูกแบ่งออกเป็น 3 คลาส คือ Unity, Overlapped, Gapped
Unity คือ ครอสโอเวอร์แบบ Unity แสดงโดยสมการ: (—6 dB) + (— 6 dB) = O dB
Overlapped คือ ครอสโอเวอร์แบบ Overlapped แสดงโดยสมการ: (X dB + X dB) > O dB
Gapped คือ ครอสโอเวอร์แบบ Gapped แสดงโดยสมการ: (X dB + X dB) < O dB
เป้าหมายในการรวมกันทางอะคูสติกครอสโอเวอร์ คือการเพิ่มระดับความดันเสียง ซึ่ง Gapped (X dB + X dB) < O dB กลับเป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ
อะคูสติกครอสโอเวอร์มีคุณสมบัติทั่วไป คุณสมบัติเหล่านี้จะเป็นตัวควบคุมว่า การออกแบบครอสโอเวอร์ ตอบสนองความต้องการได้หรือไม่ ?
Spectral dividers ปกติครอสโอเวอร์จะใช้เป็น 2 ใน 3 คลาส คือ Unity หรือ Overlap เพื่อให้จุดรวมมากกว่า หรือเท่ากับศูนย์ ปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จของอะคูสติกครอสโอเวอร์ คือจำกัดการทับซ้อน กับช่วงที่เกิดการเพิ่มของเฟส
Spectral dividers จะให้โซนผลรวม 4 โซน คือ Coupling, Combing, Combining และ Isolation
เริ่มต้นด้วยคลาสครอสโอเวอร์ที่เป็น Unity ซึ่งจะมีการแนะนำข้อกำหนดทั้งหมด การอธิบายครอสโอเวอร์แบบ Overlap จะตามมา โดยให้ข้อมูลด้านการเปรียบเทียบที่ต้องการ
Coupling Zone คือบริเวณจุดศูนย์กลางของจุดตัด ซึ่งเฟสตอบสนองตรงกัน แนะนำสูตรง่าย ๆ ซึ่งจะทำให้เข้าใจการตัดครอสโอเวอร์ได้ง่ายขึ้น
สูตรการบวกครอสโอเวอร์คลาส Unity
(-6 dB) + (-6 dB) = 0 dB หรือ -∞ ขึ้นอยู่กับเฟส
สมการนี้หมายถึง ความปรารถนาที่จะสร้างการตอบสนองที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว จากผลรวมของสัญญาณ 2 สัญญาณ ที่แต่ละสัญญาณลดลง -6 dB ที่จุดตัด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มระดับขึ้น +6 dB ภายใต้เงื่อนไขเฟสที่ตรงกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือกลับไปที่ 0 dB
Coupling zone จะดำเนินต่อไปที่ด้านบน และด้านล่างของความถี่จุดตัด Isolation zone จะต้องมาถึงก่อนเฟสจะเปลี่ยนแปลงเกิน 120 องศา เพราะจะทำให้ผลรวมเป็นลบได้
ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน จะสามารถควบคุมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างความดันและเฟสได้ ต้องเข้าถึง Isolation zone ก่อนที่การตอบสนองของเฟสจะเข้าสู่การ Cancellation
จุดตัดไม่ได้วัดจากที่ปรากฎในเครื่องมือ Crossover อะคูสติกครอสโอเวอร์ คือจุดรวมเสียงที่ได้มาจาก 5 ปัจจัย ได้แก่
หาก 5 ปัจจัยแรกถูกทำให้สมมาตรกัน จะเหลือเพียงประสิทธิภาพของไดรเวอร์ หากไดรเวอร์ความถี่สูงนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า จุดตัดจะต่ำกว่าระดับที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์คาดไว้ และในทางกลับกัน หากปัจจัยอื่นไม่สมดุล ความถี่ครอสโอเวอร์ของอะคูสติกอาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างไดรเวอร์ความถี่สูงและต่ำ ตัดกันที่ความถี่ 1 kHz เริ่มต้นตั้งค่าที่ Crossover อิเล็กทรอนิกส์ทั้งความถี่ต่ำ และความถี่สูง โดยใช้ 24 dB/octave Linkwitz-Riley
ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าที่ Crossover อิเล็กทรอนิกส์ เกิดความถี่ 1 kHz ทั้งไดรเวอร์เสียงต่ำและสูง ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามหากประสิทธิภาพของไดรเวอร์เสียงสูงนั้น สูงกว่าไดรเวอร์เสียงต่ำ จะทำให้จุดตัดครอสโอเวอร์อะคูสติก อยู่ความถี่ต่ำกว่าอิเล็กทรอนิกส์ และหายากเหลือเกิน ที่ไดรเวอร์จะมีประสิทธิภาพที่ตรงกัน จึงต้องให้ความสนใจการสังเกตอะคูสติกเสียง มากกว่าอิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียว
เมื่อการตอบสนองทางเสียงของไดรเวอร์ไม่ตรงกัน จะมีการแก้ไขดังตัวเลือกต่อไปนี้
เพื่อปรับระดับสัมพัทธ์ Filter Corner Frequency, Filter Topology, ความชัน Filter สามารถสร้างความไม่สมดุลบางอย่างในระบบไฟฟ้า เพื่อชดเชยความไม่สมดุลในทางอะคูสติก การรวมกันของพารามิเตอร์เหล่านี้ สามารถปรับได้จนกว่าจะสร้างครอสโอเวอร์ความถี่ที่ต้องการ
“ช่วงครอสโอเวอร์” ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รอบความถี่ศูนย์กลางจุดตัด ที่สัญญาณทั้ง 2 ยังคงมีความเกี่ยงข้องกันอยู่
ช่วงครอสโอเวอร์อาจมีการผสมแบบแปรผันของ Coupling, Combing และ Combining zones และถูกจำกัดที่ปลายด้านใดด้านหนึ่ง โดย Isolation zone
ความชันของ Filter กำหนดขนาดของช่วงครอสโอเวอร์ โดย Filter ที่ชันกว่าจะมีผลทำให้ช่วงครอสโอเวอร์สั้นลง เป้าหมายคือการแยกตัวออกจากกันของช่วงครอสโอเวอร์ ก่อนการ Cancellation เปรียบเสมือนการแข่งขันระหว่างแอมพลิจูดกับเฟส มีวิธีที่ง่าย คือ ใช้ Filter ที่มีความชันสูง ทำให้ช่วงครอสโอเวอร์แยกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นทางเลือกที่เรียบง่าย และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการใช้ Filter ที่สูง จะทำให้การหน่วงเฟสเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะความถี่ต่ำ ดังนั้น เมื่อ Filter ที่สูง ลดขนาดของช่วงครอสโอเวอร์ได้ แต่จะเพิ่มการเลื่อนเฟสขึ้นมาแทน
Filter ที่สูงชันยังจะมีมุมที่มาก เและต้องวางให้ความถี่ชิดกันมากขึ้น เพื่อป้องกันช่องว่างความถี่ ผลที่ได้คือ ระดับความผันผวนของแหล่งกำเนิดเสียง ในช่วงความถี่นั้น การรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนขึ้น
สรุปได้ว่า
ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Low Order ได้แก่ ผลรวมการเพิ่มเสียงในช่วงครอสโอเวอร์ เห็นโอกาสที่อุปกรณ์ทั้ง 2 จะแบ่งเบาภาระพลังงานในพื้นที่ครอสโอเวอร์เพิ่มขึ้น
สมมติว่าไดรเวอร์ทั้ง 2 มีกำลังที่เหมาะสมในช่วงจุดตัด อาจมีกำลังเสียงเพิ่มเติมสูงถึง 6 dB และการเพิ่มกำลังนี้มาจากไดรเวอร์ที่ทำงานร่วมกัน การใช้พลังร่วมกันของไดรเวอร์ 2 ตัว ทำให้ระบบลำโพงสร้าง SPL ที่กำหนด โดยใช้แรงขับของไดรเวอร์แต่ละตัวน้อยลง แต่ High Order จะลดการเพิ่มกำลังในช่วงครอสโอเวอร์นี้ โดยหวังว่าจะช่วยลดปฏิสัมพันธ์ของเฟสเชิงลบได้ (Combing zone)
สิ่งที่น่าสังเกต คือ ยิ่งความถี่ครอสโอเวอร์ต่ำ เงื่อนไขการ Cancellation ก็จะยิ่งดีขึ้น สำหรับช่วงครอสโอเวอร์ที่กว้าง เนื่องมาจากความยาวคลื่นขนาดใหญ่ ที่สัมพันธ์กับตำแหน่งของไดร์เวอร์
ความถี่เพิ่มขึ้นความยาวคลื่นจะสั้นลง เมื่อเทียบกับความต่างทางกายภาพ การแยก isolation zone จึงมีความสำคัญมากขึ้น นอกจากนี้ ไดร์เวอร์ HF จะมีความเปราะบางมากในเชิงกลไก ซึ่งเหมาะสำหรับ Filter ที่ชันกว่า เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหาย
ความลาดชันของจุดตัด อาจมีทางเลือกที่ไม่สมมาตร ความลาดชันของไดรเวอร์สูง และต่ำอาจแตกต่างกันไป ครอสโอเวอร์แบบอสมมาตร มักจะมีฟิลเตอร์ที่ชันกว่าสำหรับไดรเวอร์เสียงสูง เพื่อป้องกันการ excursion และฟิลเตอร์ที่ชันน้อยกว่าสำหรับไดรเวอร์เสียงต่ำ เพื่อขยายกำลังไปยังพื้นที่ครอสโอเวอร์
Topology หมายถึงตัวกรองต่าง ๆ เช่น Bessel, Butterworth และ Linkwitz-Riley สิ่งเหล่านี้แตกต่างกันในขั้นต้น เช่น มุมความถี่ของFilter ที่เริ่มลดลงของจุดตัด สิ่งที่สำคัญ คือผลลัพธ์การบรรจบกัน ในปัจจัยทางไฟฟ้า และเสียงเมื่อรวมกัน
ในการสร้างวิศวกรรมระบบเสียงที่มีครอสโอเวอร์ เป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิต สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการออกแบบในสภาวะไร้เสียงสะท้อน และทำการวิจัยอย่างละเอียด เพื่อความน่าเชื่อถือ ความเสถียร และให้การเพิ่มกำลังสูงสุด ความพยายามที่จะออกแบบเสียงครอสโอเวอร์ประเภทนี้ ในสภาวะที่มีเสียงสะท้อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าหากไม่เชื่อมั่นในพารามิเตอร์ครอสโอเวอร์ที่ผู้ผลิตให้มา แล้วเหตุใดเราจึงเชื่อถือลำโพงเหล่านั้น ?
เสียงจากตัวไวโอลิน เป็นเสียงที่ไม่มีความถี่ครอสโอเวอร์ ระบบลำโพงแบบหลายทางในอุดมคติ จะต้องสามารถเล่นโน้ตทั้งหมด โดยที่ผู้ฟังไม่สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลง ระหว่างการสลับไดร์เวอร์ทำงาน
ความพยายามที่จะปิดบังการมีอยู่ของครอสโอเวอร์ในลำโพง จะช่วยได้มากในเรื่องนี้ มีกลไกหลายอย่างที่สามารถเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงระหว่างไดรเวอร์ได้ ประการแรกคือ การจัดวางความต่างของระยะ Driver แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับระบบเสียงที่ทันสมัยที่สุด เนื่องจากตู้ลำโพงมีทั้งไดรเวอร์สูง และต่ำในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่นี่อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับซับวูฟเฟอร์ ซึ่งมักจะอยู่ห่างจากลำโพงเสียงกลางแหลมเป็นอย่างมาก
ปัจจัยที่สอง คือการคาบเกี่ยวกัน สามารถเปิดเผยการเปลี่ยนครอสโอเวอร์ได้ จากการทับซ้อนกันที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป
โดย Filter ที่มีความชันสูงมาก จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในโน้ตตัวเดียว สิ่งเหล่านี้จะได้ยินชัดเจนที่สุด เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ และแสดงความแตกต่างเป็นอย่างมาก
ในทางกลับกัน หากการทับซ้อนสูงเกินไป Filter จะไม่สามารถแยก Isolation Zone ได้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Comb-Filters รอบจุดศูนย์กลางครอสโอเวอร์ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งด้านบน และด้านล่างของครอสโอเวอร์ สุดท้ายครอสโอเวอร์จะถูกเปิดเผยโดย จากการปรากฏตัวของ Comb-Filters
องค์ประกอบทับซ้อนกันในครอสโอเวอร์ Unity หากองค์ประกอบรวมกันที่จุด -6 dB ศูนย์กลางจะรวมเป็น 0 dB เมื่อเฟสตรงกัน
ต่อมาที่ความถี่ด้านบน และด้านล่างของจุดตัด การตอบสนองแอมพลิจูด และเฟส จะเริ่มกระบวนการแยกออกจากกัน ผลที่ได้ คือปริมาณการบวกที่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาระดับผลรวมคงที่ คือการแยกแอมพลิจูดสู่ Isolation zone จะต้องเกิดขึ้นก่อน การตอบสนองของเฟสสัมพัทธ์ จะย้ายไปที่ Cancellation
ด้วยระบบ 2 ทางที่ไม่ใช่โคแอกเซียล ไดรเวอร์ลำโพงจะถูกวางทางกายภาพต่างกัน ไม่แนวตั้งก็แนวนอน จุดครอสโอเวอร์สามารถปรับให้เหมาะสมได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับจุดเดียวภายในพื้นที่ครอบคลุมของระบบเท่านั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับจุดดังกล่าว คือพื้นที่ครอสโอเวอร์ในระดับความดันสูงสุด จะต้องไม่มีการ Cancellation
สิ่งนี้เป็นกุญแจสำคัญในการปรับแต่ง แม้อาจจะมีจุดใดจุดหนึ่งเกิด Cancellation แต่ก็ไม่อาจกีดกั้นจากเกณฑ์ที่เป็นกลางนี้ได้
Specification:
• ควรปรับ Spectral crossover ให้เหมาะสม เพื่อให้ไม่มี Cancellation ในช่วงครอสโอเวอร์
• มุมสัมพัทธ์ควรคงที่เท่าที่เป็นไปได้ ตลอดระยะทาง
ข้อผิดพลาด ที่พบบ่อยที่สุดในเรื่องนี้คือ ปรับจุดฟังอยู่ที่ On-axis ของฮอร์น HF การปฏิบัตินี้เป็นที่เข้าใจได้ เนื่องจากฮอร์น HF เป็นแหล่งหลักของการควบคุมมุมกระจายสำหรับระบบ
แต่ความผิดพลาดของแนวทางนี้ สามารถพบได้โดยย้อนกลับไปที่แนวคิด เกี่ยวกับสามเหลี่ยมก่อนหน้านี้ การปรับจุดฟังอยู่ที่ On-axis ของฮอร์น HF จะทำให้เกิดการตอบสนองการรวมรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ระยะทางจาก LF จะไกลกว่า HF เกิดความต่างของเฟส ในทางเดียวกัน การตั้งลำโพงใน On-axis ของ LF ก็จะเกิดปัญหาเช่นเดียวกัน
วิธีการที่ดีกว่านั้น คือการใช้ศูนย์กลางที่เท่ากันระหว่างไดร์เวอร์ ทั้ง HF และ LF เพื่อให้ได้สามเหลี่ยมหน้าจั่วที่คุ้นเคยของ Coupling zone
วิธีการนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงของมุมสัมพัทธ์ และการเปลี่ยนแปลงของระยะทางสัมพัทธ์ ให้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
แนวทางอื่นเกี่ยวกับการ Spectral crossovers คือความถี่ตรงกลางถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน โดยที่องค์ประกอบทั้ง 2 อยู่ที่จุด -3 dB หากการตอบสนองมีการจัดเฟส การตอบสนองรวมจะแสดงการเพิ่มขึ้นเป็น +3 dB ทำให้เกิดครอสโอเวอร์แบบ Overlap สิ่งนี้สามารถกลับไปเป็นครอสโอเวอร์ Unity ได้โดยการตั้งค่าการตอบสนองของเฟสสัมพัทธ์ให้ห่างกัน 90 องศา
อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นที่ห่างกัน 90 องศา นั้นอยู่ใกล้ขอบอันตรายเมื่อเฟสต่างกันเกิน 120 องศา ดังนั้นการ Isolation zone ระหว่างไดร์เวอร์ จะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเลื่อนไปสู่ Cancellation นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจาก การนำไดรเวอร์มารวมกันที่จุด —3 dB ทำให้พื้นที่คาบเกี่ยวกันมากขึ้น วิธีการดังกล่าวต้องใช้ High Order เพื่อแยกพื้นที่ Crossover ออกอย่างรวดเร็ว ผลที่ได้รับคือ สิ่งนี้จำกัดช่วงครอสโอเวอร์ที่ใช้งานเป็นอย่างมาก และลดกำลังการทำงานร่วมกันระหว่างไดรเวอร์
วิธีการ overlap โดนที่ความต่างเฟสเป็น 0 องศา จะมีความได้เปรียบด้านพลังงานรวม 3 dB และได้เปรียบกว่าการเพิ่มเฟส 90 องศา
Spectral crossover แบบ Overlap ถูกใช้เป็นหลักในการใช้งานความถี่ต่ำ โดยที่ความยาวคลื่นมาก และยาวพอที่จะคงอยู่ใน Coupling zone
การใช้งานทั่วไป คือการ Overlap ซับวูฟเฟอร์และตู้แบบฟูลเรนจ์ ระบบเหล่านี้สามารถใช้ช่วงความถี่ร่วมกันได้ตั้งแต่ 60 Hz ถึง 120 Hz และมีเหตุผลที่ดีในการใช้ประโยชน์จากความซ้ำซ้อนนี้
ความไม่สมดุลในครอสโอเวอร์เสียง มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ความชันและระดับความดัน
หากส่วนประกอบทั้ง 2 มีอัตราการหมุนเฟส หรือความชันต่างกัน การเปลี่ยนออกจาก Coupling zone ไปยัง Isolation zone จะไม่สมมาตร สามารถใช้อัตราความชันแบบอสมมาตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องคาดการณ์ล่วงหน้า
การผสม Filter Orders คู่และคี่ (เช่น ลำดับที่สองและลำดับที่สาม) มักจำเป็นต้องมีการกลับขั้วเฟส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอสโอเวอร์ที่เป็น Unity
การตั้งค่าระดับความดันที่อสมมาตร สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดได้ กำหนดให้ระดับสัมพัทธ์ของความดันตรงกันที่ความถี่ครอสโอเวอร์ ต่อมาหากระดับความดันของส่วนประกอบใดส่วนประกอบหนึ่งเปลี่ยนไป ความถี่ครอสโอเวอร์จะเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น หากระดับความดัน HF สูงขึ้น ครอสโอเวอร์จะเลื่อนต่ำลง
Spectral crossover วิศวกรผสมเสียงต้องการพลังงาน และไม่สนใจว่า ไดร์เวอร์ตัวไหนจะเป็นผู้ส่งมอบความดันนั้น ๆ หากตั้งค่าครอสโอเวอร์แบบ 2 ทางเป็น 1 kHz จะส่งกำลังที่ต้องการในช่วง 1 kHz ผ่านการตอบสนองแบบรวมของไดร์เวอร์ทั้งสอง พื้นที่ด้านบนและด้านล่าง จะรับส่วนประกอบความถี่ที่แยกออกมาต่างหาก
หากต่อมาถ้า LF ย้ายครอสโอเวอร์ลงไปที่ 500Hz ซึ่งหมายความว่าที่ 1kHz ไดรเวอร์ HF จะต้องทำงานโดยลำพัง และจะต้องจ่ายพลังงานเพิ่มเติม 6 dB เพื่อชดเชยการสูญเสียความช่วยเหลือจากไดรเวอร์ LF
• การตอบสนองของเฟสสัมพัทธ์ จะต้องปรับเปลี่ยน หากสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกปรับแต่ง การครอสโอเวอร์จะไม่เพิ่มกำลังเต็มที่ ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบจะลดลง
• Polar response ของ HF และ LF เปลี่ยนแปลงไปตามความถี่ ดังนั้น Polar response เมื่อผ่านครอสโอเวอร์อาจได้รับผลกระทบ ตัวอย่างเช่น ฮอร์น HF มีแนวโน้มที่จะกว้างขึ้นเมื่อความถี่ cutoff ลดลง ในขณะที่ไดรเวอร์ LF แคบลงเมื่อ cutoff เพิ่มขึ้น
• การเลือกความถี่ cutoff มีผลกระทบอย่างมากต่อมุมกระจายที่ต้องการของไดรเวอร์ HF
• การลดระดับความดันครอสโอเวอร์ LF หรือเพิ่มระดับ HF อาจทำให้อุปกรณ์ HF ทำงานต่ำกว่าช่วงเรโซแนนท์ของปาก Horn และมีประสิทธิภาพที่ลดลง
• สำหรับระบบที่มี High Order จะแสดงการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
อัตราความถี่จุดตัดที่เปลี่ยน เนื่องจากระดับการเปลี่ยนแปลงความดัน ขึ้นอยู่กับความชันของครอสโอเวอร์ ความลาดชันต่ำจะเปลี่ยนในอัตราสูงสุด ความลาดชันสูงจะเปลี่ยนแปลงได้น้อยลง
คำแนะนำของผู้ผลิตเกี่ยวกับ Spectral dividers ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงลงทุนการวิจัยจำนวนมาก เพื่อให้ได้พารามิเตอร์ที่เหมาะสมที่สุด พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับความสามารถด้านพลังงานของระบบ ที่ไม่สามารถหาได้ในสถานการณ์ทั่วไป
